วันศุกร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ขายสวน 84 ไร่ จ.เชียงใหม่




ขายที่ดินพร้อม 
สวนมะม่วง 5 พันต้น 
สวนลำไย 400 ต้น 
บ้าน+โกดัง
 ที่จอดรถ 
บ้านพักคนงาน 
ห้องน้ำ 
แท้งค์น้ำ 
ระบบน้ำใต้ดิน 
ระบบน้ำทั่วทั้งบริเวณ 71 ไร่(รังวัดเดิม)มารังวัดใหม่ได้ 84 ไร่ คือท่านได้ที่ดินเพิ่มไปอีก 13 ไร่ฟรีๆ ถ้าหารด้วยพื้นที่ 84 ไร่ ตกไร่ละ 3 แสนกว่าเท่านั้น สามารถพาเจ้าหน้าที่ที่ดินมารังวัดด้วยตัวเองอีกได้ถ้าไม่เชื่อ ออกค่าใช้จ่ายเอง 
มะม่วงมีพันธุ์ ศรีวิชัย โอทู อาร์ทู และอื่นๆ ที่ดินเป็น นส.3 อยู่ที่ อ.ดอยหล่อ เชียงใหม่ ติดถนนดำ และใกล้ทางผ่านไป แหล่งท่องเที่ยวผาช่อ น้ำสมบูรณ์ วิวดอยอินทนนท์ชัดเจนเป็นมุมกว้าง การเดินทางสะดวก ขายเพราะเจ้าของไม่มีเวลาดูแล ขายถูกๆ ราคาต่อรองได้ ยินดีรับนายหน้า อยากให้มาดูด้วยตา เพราะแค่มะม่วงถ้าหากท่านเก็บขาย ปีนึงก็ได้หลักล้านแล้วครับ เข้ามาก็มาเป็นเสือนอนกิน ระยะยาวได้เลย สนใจติดต่อ 0896182121 ได้ค่ะ







เหรียญแพงที่สุดในประเทศ!!! กระแสจากเหล่าบรรดานักสะสม น่าทึ่งที่สุด


เหรียญแพงที่สุดในประเทศ!!! เหรียญ ๑ บาท รัชกาลที่ ๙ ‪‎เหรียญเดียวราคาเกือบครึ่งล้าน น่าทึ่งงงงไม่รวมภาษี!!! 


ล้วงกระเป๋าตรวจดูให้ดีด่วนเลยครับ เหรียญหายาก ในรัชกาล ที่ ๙  เหรียญเดียวราคาเกือบครึ่งล้านเหรียญ 1บาท รัชกาลที่ 9 ที่แพงมากที่สุดของไทย ‪‎เหรียญเดียวราคาเกือบครึ่งล้าน‬ ประมูลในงานของเอื้อเสรี วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ จบที่ราคา 430,000 บาทไม่รวมภาษี น่าทึ่งมาก

ถ้ารวมด้วย จะต้องจ่าย ค่าตัวเหรียญนี้ ที่ราคา 476,010 บาท เหรียญหนึ่งบาท ปี 2493 ผลิตมาเพื่อเป็นเพียงตัวอย่างจำนวนเล็กน้อย ประวัติคือ หลงปะปนมากับเหรียญบาทปี 2500 จำนวน 2อัน พบที่ ธนาคารออมสิน สาขาราชดำเนิน ปัจจุบันยังคงมีบันทึกพบแค่ สองเหรียญนี้เท่านั้น แต่เชื่อว่าอาจจะยังมีอีก…แต่ใครล่ะจะเป็นผู้โชคดีที่ค้นพบเจอ
เหรียญบาทรัชกาลที่  ๙ ที่แพงที่สุดของไทย เหรียญเดียวเกือบครึ่งล้าน!!!!


ล่าสุดเกิดกระแสจากเหล่าบรรดานักสะสมที่ประกาศต้องการรับซื้อเหรียญ 10 บาท รัชกาลที่ 9 ปีพ.ศ.2533 ในราคาสูงถึง 100,000 บาท ทำให้เกิดการตื่นตัวจากนักสะสมมืออาชีพและผู้รับซื้อสะสมแบบสมัครเล่น เพราะฉะนั้นหากท่านไม่อยากพลาดแล้วต้องมาเสียใจทีหลัง วันนี้เราจะพาทุกคนไปพบกับ เหรียญกษาปณ์รัชกาลที่ 9 สุดยอดหายาก 10 อันดับ แต่ละรุ่นจะมีรูปแบบเป็นอย่างไร ลองไปดูกันเลย ใครจะไปรู้...บางทีท่านอาจจะมีอยู่ในครอบครองแล้วก็ได้!!
อันดับ 1 เหรียญกษาปณ์นิกเกิลเคลือบไส้ทองแดง เหรียญ 5 บาท พ.ศ.2525 ด้านพระเศียรเล็ก

อันดับ 2 เหรียญกษาปณ์สองสีราคา เหรียญ 10 บาท พ.ศ.2533 ผลิตจำนวน 100 เหรียญ

อันดับ 3 เหรียญกษาปณ์อลูมิเนียมบรอนซ์ราคา เหรียญ 23 สต. พ.ศ.2500 ด้านหลังตัวหนังสือบาง

อันดับ 4 เหรียญกษาปณ์อลูมิเนียมบรอนซ์ราคา เหรียญ 10 สต. พ.ศ.2500 ด้านหลังสิบสตางค์หางยาว

อันดับ 5 เหรียญกษาปณ์นิกเกิลราคา เหรียญ 1 บาท พ.ศ.2525 ด้านหน้าพระเศียรเล็ก

อันดับ 6 เหรียญกษาปณ์อลูมิเนียมบรอนซ์ราคา เหรียญ 50 สต. พ.ศ.2493 ด้านหลังตัวหนังสือหนา

อันดับ 7 เหรียญกษาปณ์อลูมิเนียมบรอนซ์ราคา เหรียญ 50 สต. พ.ศ.2530 ผลิตจำนวน 1,000 เหรียญ

อันดับ 8 เหรียญกษาปณ์นิกเกิลราคา เหรียญ 1 บาท พ.ศ.2529 ด้านหลังช่อฟ้าหางยาว

อันดับ 9 เหรียญกษาปณ์อลูมิเนียมราคา เหรียญ 10 สต. พ.ศ.2530 ผลิตจำนวน 5,000 เหรียญ

อันดับ 10.1 เหรียญกษาปณ์อลูมิเนียมราคา เหรียญ 5 สต. พ.ศ.2530 ผลิตจำนวน 10,000 เหรียญ

อันดับ 10.2 เหรียญกษาปณ์อลูมิเนียมบรอนซ์ราคา เหรียญ 25 สต. พ.ศ.2542 ผลิต 10,000 เหรียญ

อันดับ 10.3 เหรียญกษาปณ์อลูมิเนียมบรอนซ์ราคา เหรียญ 25 สต. พ.ศ.2544 ผลิต 10,000 เหรียญ

เครดิต :  ขอบคุณข้อมูล จากเว็บ ทีนิวส์สัคมและ

WeShareYouLove




วันอังคารที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

คาถาเงินล้าน




ตั้งนะโม๓จบ

สัมปะจิตฉามิ.
นาสังสิโม
พรหมมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ   (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุเม  (คาถาเงินแสน)
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุเม  (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตพาหุหะติ  (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม
สัมปะติจฉามิ  (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
เพ็ง เพ็ง พา พา หา หา ฤา ฤา  (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
สวด๙จบ  ว่าตัวคาถาทั้งหมด ในวงเล็บไม่ต้องท่อง 
วิธีปฏิบัติให้ได้ผลง่ายๆคือ ถือศิลข้อ๒โดยเคร่งครัด ท่องคาถาก่อนนอนวันละ๙จบหรือภาวนาตลอดเวลาที่นึกได้ และต้องใส่บาตรทุกวันอย่างน้อยวันละ๑รูป ถ้าไม่สะดวก ใช้วิธีใส่บาตรในห้องก็ได้โดยใช้เงินใส่แทน ให้หากระป๋องหรือบาตรพลาสติกใบเล็กๆก็ได้สำหรับไว้ใส่เงิน  โดยก่อนใส่ให้ท่องคาถา๙จบ แล้วนำเงินใส่บาตร ทำอย่างนี้ทุกวัน จนจำนวนเงินมากพอแล้ว เราก็นำไปทำบุญที่วัด ใส่ตู้บริจาคก็ได้ หรือถวายสังฆทานตามอัธยาศัย หรือใส่ซองแล้วเขียนบอกไว้หน้าซอง"ถวายเงินนี้เพื่อเป็นค่าภัตตาหารแด่พระสงฆ์" ท่านว่าถ้าเราทำอย่างนี้อยู่เป็นประจำแล้วจะทำมาหากินคล่องตัวขึ้นมีความสะดวกในเรื่องการเงิน ไม่ขัดสน เงินจะไม่ขาดมือ ถ้าภาวนาคาถาเป็นอารมณ์กรรรมฐาน ก็จะทำให้บุคคลนั้นถึงความร่ำรวยได้เลยทีเดียว.







    คัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ (หมีเล่อเจินจิง)




ฝอซัวหมีเล่อจิ้วขู่จิง หมีเล่อเซี่ยซื่อปู้เฟยชิง
หลิ่งเป่าฉีหลู่หลิงซันตี้ เหนี่ยนฮวาอิ้นเจิ้งเข่าซันเฉิง
ลั่วไจ้จงเอวี๋ยนซันซิงตี้ ต้าเจิ้งซื่อชวนอวั๋งเถาซิน
เทียนเจินโซวเอวี๋ยนกว้าเซิ่งเฮ่า เติ่งไต้สือจื้อเตี่ยนเสินปิง
อวิ๋นเหลยเจิ้นไคอู้จี๋ถู่ เทียนเซี่ยเสินกุ่ยปู้อันหนิง
ชินไจ้เหยินเทียนจงฮว๋าหมู่ จิ่วเหลียนเซิ่งเจี้ยวกุยซั่งเฉิง
เทียนฮวาเหลาหมู่ฉุยอวี้เซี่ยน โซวเอวี๋ยนเสี่ยนฮว่าไจ้กู่ตง
หนันเป่ยเหลี่ยงจี๋เหลียนจงซวี่ ฮุ่นเอวี๋ยนกู่เช่อไจ้จงอยัง
เหลาหมู่เจี้ยงเซี่ยทงเทียนเชี่ยว อู๋อิ่งซันเฉียนตุ้ยเหอถง
อิงเอ๋อเหย้าเสี่ยงกุยเจียชวี่ ฉือเนี่ยนตังไหลหมีเล่อจิง
ย่งซินฉือเนี่ยนฝอไหลจิ้ว ตั๋วตั่วจินเหลียนชวี่เชาเซิง
ซึเต๋อซีไหลไป๋หยังจื่อ เซี่ยงเอ๋อเตี๋ยนเถี่ยฮว่าเฉิงจิน
เหม่ยยื่อจื้อซินฉังฉือเนี่ยน ซันไจปานั่นปู้ไหลซิน
เหย้าเสี่ยงเฉิงฝอฉินหลี่ไป้ ฉังฉือชงหมิงจื้อฮุ่ยซิน
ซิวทิงเสียเหยินหูซัวฮว่า เหลาซวนอี้หม่าเนี่ยนอู๋เซิง
เหลาหมู่เจี้ยงเซี่ยเจินเทียนโจ้ว ย่งซินฉือเนี่ยนโหย่วเสินทง
หมั่นเทียนซิงโต่วโตวเซี่ยซื่อ อู่ฟังเลี่ยเซียนเซี่ยเทียนกง
เก้อฟังเฉิงหวงไหลตุ้ยเฮ่า เป้าซื่อหลิงถงฉาเตอชิง
ซันกวนต้าตี้ฉือเปยจู้ เซ่อจุ้ยซันเฉาจิ้วจ้งเซิง
จิ้วขู่เทียนจุนไหลจิ้วซื่อ ชินเตี่ยนเหวินปู้เจียตี้เสิน
ปาต้าจินกังไหลฮู่ฝ่า ซื่อเว่ยผูซ่าจิ้วจ้งเซิง
จิ๋นหลิ่งซันซึลิ่วเอวี๋ยนเจี้ยง อู๋ไป่หลิงกวนจิ่นสุยเกิน
ฝูจู้หมีเล่อเฉิงต้าเต้า เป่าอิ้วเซียงเอ๋อเต๋ออันหนิง
เป่ยฟังเจินอู่เหวยเจี้ยงไซว่ ชิงเหลี่ยนหงฝ่าเสี่ยนเสินทง
เฉอฉี่เจ้าฉีเจอยื่อเอวี้ย โถวติ่งเซินหลัวชีเป่าซิง
เวยเจิ้นเป่ยฟังเหวยโซว่โส่ว ซู่ฉิ่งจูเอ้อกว้าเจี่ยปิง
ตาจิ้วเอวี๋ยนเหยินเซียงเอ๋อหนวี่ หั่วกวงลั่วตี้ฮว่าเหวยเฉิน
ซื่อไห่หลงอวั๋งไหลจู้เต้า เก้อเจี้ยเสียงอวิ๋นชวี่เถิงคง
สือฟังเทียนปิงฮู่ฝอเจี้ย เป่าอิ้วหมีเล่อชวี่เฉิงกง
หงหยังเหลี่ยวเต้ากุยเจียชวี่ จ่วนเต้าซันหยังหมีเล่อจุน
อู๋ฮวั๋งชื่อลิ่งจี้เซี่ยเซิง โซวฝูหนันเอี๋ยนกุยเจิ้งจง
ไหลอวั่งเจ้าเซี่ยเจินเอี๋ยนโจ้ว ฉวนเซี่ยตังไหลต้าจั้งจิง
อิงเอ๋อช่าหนวี่ฉังฉือเนี่ยน เสียเสินปู้กั่นไหลจิ้นเซิน
ฉือเนี่ยนอี๋เปี้ยนเสินทงต้า ฉือเนี่ยนเหลี่ยงเปี้ยนเต๋อเชาเซิง
ฉือเนี่ยนซันเปี้ยนเสินกุ่ยพ่า อวั่งเหลี่ยงเสียหมอฮว่าเหวยเฉิน
ซิวฉือเจี๋ยเน่ยสวินลู่จิ้ง เนี่ยนฉี่เจินเอี๋ยนกุยฝอลิ่ง
หนันอู๋เทียนเอวี๋ยนไท่เป่าอาหมีถัวฝอ 

                       


ฝอซัวหมีเล่อจิ้วขู่จิง : 
พระพุทธองค์ได้โปรดแสดงธรรม ว่าด้วยคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะอันสามารถเปลื้องทุกข์ได้กล่าวคือ 
หมีเล่อเซี่ยซื่อปู้เฟยชิง : 
อันว่าพระเมตเตยยะ โปรดแบ่งพระภาคอุบัติมาในกาลครั้งนี้ เพื่อเจริญปณิธานโปรดสามโลกในชั้นเทพเทวา มนุษย์ และผี เพื่อการแปรเปลี่ยนโลกวุ่นวายให้เป็นเอกภาพ สมานฉันท์เป็นหนึ่งเดียวกัน การอุบัติมาของพระองค์ในครั้งนี้จึงมิใช่เรื่องเล็กน้อยธรรมดา 
หลิ่งเป่าฉีหลู่หลิงซันตี้ : 
พระองค์สนองรับพระโองการล้ำค่าหาใดเสมอเหมือน ดุจดั่งรัตนะวิเศษสุดจาก อนุตตรพระแม่องค์ธรรมฯ พระเมตเตยยะแบ่งพระภาคอุบัติมา ณ เมืองฉีหลู่ มณฑลซันตง ดินแดนวิเศษแห่งภูเขาศักดิ์สิทธิ์ 
เหนี่ยนฮวาอิ้นเจิ้งเข่าซันเฉิง : 
เป็นเรื่องเดียวกันกับที่ ?พระผู้มีพระภาค? เคยประจงจับดอกไม้ชูขึ้นตรงพระพักตร์ แสดงปริศนาธรรมให้ประจักษ์จุดตรัสรู้ ขั้นสูงสุดระดับยานที่สามแด่สงฆ์สาวกหนึ่งพันสองร้อยห้าสิบรูป ณ เชิงเขาคิชกูฏ 
ลั่วไจ้จงเอวี๋ยนซันซิงตี้ : 
ใจกลาง ต้นกำเนิดแห่งอารยประเทศของโลก คือ ประเทศจีน ใจกลางต้นกำเนิดแห่งกายสังขาร คือ จุดสถิตพุทธจิตธรรมญาณ เป็นดินแดนวิเศษที่อยู่เหนือดินแดนสามดาว หมายถึง หัวใจที่ก่อเกิดอารมณ์โลภ โกรธ หลง 
ต้าเจิ้งซื่อชวนอวั๋งเถาซิน : 
ประจักษ์หลักฐานครั้งยิ่งใหญ่ ปรากฏในมณฑลเสฉวน ณ สวนดอกไม้อวั๋งเถาซิน 
เทียนเจินโซวเอวี๋ยนกว้าเซิ่งเฮ่า : 
พระวิสุทธิอาจารย์แห่งธรรมกาลยุคขาวสุดท้ายทั้งสองพระองค์คือ พระธรรมาจารย์เทียนหยานและพระธรรมจาริณีซู่เจิน (พระธรรมจาริณีจื่อซี่ หรือ อริยมาตาจงฮว๋า) สมัยที่ 18 สุดท้ายยุคหลัง ทั้งสองพระองค์สนองรับพระธรรมโอกงการถ่ายทอดสัจธรรม จากฟ้าสู่สาธุชน เก็บงานสมบูรณ์ผล คือ เก็บจิตญาณกลมใสบริสุทธิ์ของผู้บำเพ็ญดี จารึกในทะเบียนอริยะ 
เติ่งไต้สือจื้อเตี่ยนเสินปิง : 
เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ก็จะเป็นวาระคัดเลือกรวมพลญาณวิเศษและเทพเทวา 
อวิ๋นเหลยเจิ้นไคอู้จี๋ถู่ : 
พระธรรมจาริณีซึ่งมีพระธรรมธาตุเช่นเมฆ เช่น น้ำ หรือเช่นดวงจันทร์ พระธรรมาจารย์ซึ่งมีพระธรรมธาตุเช่น อัสนี เช่นไฟ หรือเช่นดวงอาทิตย์ จะแสดงพระบุญญาธิการเปิดวาระธรรมกาลยุคขาวในใจกลางแผ่นดินจีน ด้วยการถ่ายทอดเปิดจุดสถิตจิตญาณ ณ ใจกลางร่างกายคน เป็นมหาวาระแห่งมหาธรรมปฏิบัติ อันเสะเทือนฟ้าสะเทือนดินซึ่งมิะเคยปรกโปรดแต่ก่อนใดมา 
เทียนเซี่ยเสินกุ่ยปู้อันหนิง : 
ใต้หล้าฟ้านี้ เทพเทวาผีสางต่างตื่นตระหนกกระวนกระวายไม่สงบสุข เพราะถึงยุคสุดท้าย มหันตภัยจะกวาดล้างทั้งสามโลกแต่เบื้องบนปรกโปรดประทานหนทางรอดแก่ชีวิตจิตญาณที่จะเก็บไว้เป็นกุศลพันธุ์ ต่อไปในกาลข้างหน้าได้ ทุกชีวิตจิตญาณจึงต่างวุ่นวายใฝ่หาพระวิสุทธิอาจารย์ผู้นำทาง 
ชินไจ้เหยินเทียนจงฮว๋าหมู่ : 
ทุกชีวิตจิตญาณจึงต่างปรารถนาจะสนิทชิดใกล้ฟ้าอันการุณกลับคืนไปยังอนุตตรธรรมมารดาจึงต่างใคร่รู้ธรรมญาณอันเจิดจรัสในศูนย์กลางกายแห่งตน อีกนัยหนึ่งคือ ต่างปรารถนาชิดใกล้พระอริยมาตาจงฮว๋า พระผู้ทรงรับพระภาระเก็บจิตวิญญาณอันเจิดจรัสของผู้บำเพ็ญดีทุกคน เรียกว่าเก็บงานสมบูรณ์ผล ช่วงสุดท้ายในการปรกโปรดครั้งนี้ 
จิ่วเหลียนเซิ่งเจี้ยวกุยซั่งเฉิง : 
ทุกชีวิตจิตญาณต่างปรารถนาจะปฏิบัติบำเพ็ญในศาสนาอันอาจบรรลุมรรคผลแห่งอริยะ กลับไปยังยานระดับสูงประทับบนบัลลังก์บัวเก้าระดับได้ 
เทียนฮวาเหลาหมู่ฉุยอวี้เซี่ยน : 
ทุกชีวิตจิตญาณและสาธุชนจะมีโอกาสสนิทชิดใกล้อุบลสวรรค์บัลลังก์บัวด้วย ?พระอนุตตรธรรมเจ้า พระแม่องค์ธรรม? โปรดหย่อนสายบุญบริสุทธิ์สูงส่งเป็น มงคลดั่งหยกดั่งทองลงมานำพาพุทธบุตรดั้งเดิมอันเป็น กุศลพันธุ์ 
โซวเอวี๋ยนเสี่ยนฮว่าไจ้กู่ตง : 
เพื่อการเก็บงานสมบูรณ์ผล นำพาชีวิตจิตญาณพุทธบุตร สาธุชนกลับคืนเบื้องบน พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดต่อไป การนี้จะปรากฏพุทธานุภาพให้ประจักษ์จริงในโลกมนุษย์ ณ ดินแดนประเทศเก่าก่อนโบราณ (ประเทศจีน) เพื่อการเก็บงานสมบูรณ์ผล ชีวิตจิตญาณที่ตกต่ำเสียหาย จะได้รับการฟื้นฟูชูชุบ ณ จุดญาณทวารผู้ที่ผ่านการจุดเบิกจากพระวิสุทธิอาจารย์แล้ว จะผันเปลี่ยนจิตใจและบำเพ็ญให้บรรลุได้ในที่สุด 
หนันเป่ยเหลี่ยงจี๋เหลียนจงซวี่ : 
ธรรมปฏิบัติที่แตกต่างห่างไกลกัน ดังฝ่ายใต้ฝ่ายเหนือสองขั้ว เช่น พระธรรมาจารย์ฮุ่ยเหนิง (เว่ยหล่าง) ที่บำเพ็ญแนวทาง ?นิรรูป? ฉับพลัน แต่ศิษย์ผู้พี่คือ พระอาจารย์ ?เสินซิ่ว? บำเพ็ญแนวทาง ?รู้รูป? ค่อยปลงรูป หรือการปฏิบัติบำเพ็ญในแนวทางอื่น ๆ แต่ละศาสนาลัทธินิกาย ในธรรมกาลยุคขาวสุดท้ายนี้ ทุกแนวทางปฏิบัติบำเพ็ญ จะประสานกันคืนกลับต้นสายตระกูลเดิม 
ฮุ่นเอวี๋ยนกู่เช่อไจ้จงอยัง : 
ตั้งแต่บรรพกาลมา รูปแบบของมนุษย์ที่องค์ธรรมมารดาซึ่งเป็นพระผู้สร้างได้กำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนเก่านั้นคือ จุดสถิตพุทธจิตธรรมญาณของกายสังขาร อยู่ที่ศูนย์กลางกาย (ศีรษะ) 
เหลาหมู่เจี้ยงเซี่ยทงเทียนเชี่ยว : 
ศูนย์กลางกายที่ศีรษะจุดนี้ องค์ธรรมมารดาพระผู้สร้างได้โปรดประทานให้เป็นประตูทางผ่านให้ชีวิตจิตญาณกลับคืนไปยังฟ้า กลับสู่สุญญตา หรือ วิมุติภาวะแต่เดิมทีของตน 
อู๋อิ่งซันเฉียนตุ้ยเหอถง : 
หลังจากพระวิสุทธิอาจารย์เบิกจุดญาณทวารตรงศูนย์กลางกาย อันเป็นประตูทางผ่านไปยังฟ้าซึ่งอยู่ใกล้กับเบื้องหน้าภูเขาไร้รูปเงานั้นแล้ว การกลับคืนเบื้องบนไปของผู้ได้รับการถ่ายทอดวิถีธรรมแล้วยังจะต้องแสดง ?ลัญจกร? ตราประทับของพระพุทธะ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์สูงส่งของจิตใจที่ไม่ผิดเพี้ยนเอนเอียง ไม่แบ่งเขา แบ่งเรา ซึ่งเป็นสภาวะธรรมอันสมานฉันท์ในจิตของตนอีกด้วย 
อิงเอ๋อเหย้าเสี่ยงกุยเจียชวี่ : 
พุทธบุตรผู้มีจิตบริสุทธิ์โปร่งใส ดั่งทารกน้อยหากคิดที่จะกลับคืนสู่บ้านเดิม (บรรลุธรรม) 
ฉือเนี่ยนตังไหลหมีเล่อจิง : 
พึงประคองท่องจำคัมภีร์เมตเตยยะ อันได้มาแต่เดิมทีไว้ให้ดี คัมภีร์เมตเตยยะอันได้มาแต่เดิมทีจึงแฝงปริศนาไว้ หมายถึง ดวงธรรมญาณอันบริสุทธิ์ โปร่งใส อันเป็นสุญญตาภาวะ แผ่ไพศาลจนประมาณขอบเขตมิได้ อีกทั้งเมื่อรวมศูนย์ไว้จะ ?สงบหาย? จนเหมือนไม่มีสิ่งเล็กละเอียดใด ๆ แทรกอยู่ภายในได้เลย ?ประคองท่องจำ? คือรำลึกกำหนดรู้สภาวะธรรมความเป็นอยู่ของธรรมญาณตน นั่นคือ บำเพ็ญจิตทุกขณะเวลาให้ตรงต่อความหมายของคำว่า พระคัมภีร์เมตเตยยะ อันได้มาแต่เดิมที 
ย่งซินฉือเนี่ยนฝอไหลจิ้ว : 
หากประคองท่องจำกำหนดรู้ในความเป็นอยู่ของธรรมญาณอันบริสุทธิ์โปร่งใสด้วยจิตใจละเอียดประณีตลึกซึ้งสุขุมดีแล้ว เมื่อนั้นพระพุทธะจะมาโปรด เมื่อพุทธภาวะแห่งตน ?มุ่งหมาย? ?ใกล้เคียง? ?ตรงต่อ? หรือ ?เข้าสู่? กระแสธรรมของพระพุทธะพระโพธิสัตว์พระองค์ใดในหมื่นโลกธาตุได้ พุทธภาวะแห่งตนก็ยังอาจบังเกิดพุทธานุภาพเป็นที่พึ่งแห่งตนได้ 
ตั๋วตั่วจินเหลียนชวี่เชาเซิง : 
ที่สุดบัวทองทุก ๆ ดอก คือผู้บำเพ็ญจริงทุกคนในธรรมกาลยุคขาว จะสามารถล่วงพ้นจากวัฏสงสาร 
ซึเต๋อซีไหลไป๋หยังจื่อ : 
เพราะเราได้เข้าใจ ได้รู้จักดวงธรรมญาณในตนแต่เดิมทีที่มาจากฟากฟ้าตะวันตกอันเป็นดินแดน พุทธเกษตร อีกทั้งยังได้เข้าใจได้รู้ว่าเราก็คือพุทธบุตร แห่งพระอนุตตรธรรมมารดา เราก็คือผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวสุดท้ายนี้ 
เซี่ยงเอ๋อเตี๋ยนเถี่ยฮว่าเฉิงจิน : 
พุทธบุตรที่มาจากฟากฟ้า มาจากพุทธเกษตรอันเป็น บ้านต้นกำเนิดก่อนเกิดกายเมื่อได้รับวิถีธรรมก็จะสะดุดใจได้ฉุกคิด บังเกิดจิตสำนึก เมื่อพระวิสุทธิอาจารย์ได้โปรดจรดนิ้วลงบนจุดสถิตจิตญาณ ซึ่งแม้จิตดวงนั้นในบัดนี้จะพอกพูนด้วยโลกีย์วิสัยมาหลายชาติจนแข็งกระด้างดั่งเหล็กหนาก็อาจแปรเปลี่ยนเป็นทอง เป็นดวงจิตขาวบริสุทธิ์ดังเดิมได้ 
เหม่ยยื่อจื้อซินฉังฉือเนี่ยน : 
ต่อจากนั้น ประกอบกับตนเองมุ่งใจหมายมั่นประคองท่องจำกำหนดรู้สัจธรรมในพระคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ ประคองท่องจำกำหนดรู้สัจธรรมในพุทธภาวะของดวงจิตชีวิตธรรมญาณตน 
ซันไจปานั่นปู้ไหลซิน : 
เมื่อกำหนดรู้อยู่เสมอ ภัยจากโลภ โกรธ หลง ในตนและภยันตรายจากน้ำ ไฟ ลมภายนอกจะไม่อาจให้ร้าย ความทุกข์จากการเกิด แก่ เจ็บ ตาย จาก พราก อยากใคร่ ผิดหวัง คั่งแค้นและขันธ์ห้าจะไม่อาจให้ทุกข์อีกทั้งวินาศภัยจากน้ำท่วม ไฟไหม้ หอกดาบ มีดพร้า ศาสตราภัย สงครามย่ำยี แห้งแล้งอดอยาก จมน้ำตาย ไร่นาเสียหาย พืชผลล้มเหลว.....ความวิบัติเหล่านี้ก็จะไม่ก่อทุกข์ให้ 
เหย้าเสี่ยงเฉิงฝอฉินหลี่ไป้ : 
หากคิดจะบรรลุพุทธะ จงหมั่นน้อมกราบพุทธะผู้ไปดีแล้วจากการบำเพ็ญเพียรของพระองค์เอง และจริญรอยตามแบบอย่างของพระองค์ให้จงได้ หากคิดจะบรรลุพุทธะจงหมั่นน้อมกราบพุทธะภาวะแห่งตน ซึ่งตนจะรู้ดีกว่าใครอื่นว่าตนนั้นสูงส่งดีงามสมควรได้รับการกราบไหว้จากตนเองและผู้อื่นเพียงไร 
ฉังฉือชงหมิงจื้อฮุ่ยซิน : 
หากหมั่นประคองรักษาพุทธภาวะอันบริสุทธิ์ โปร่ง ใส ในตนไว้เสมอ หูตาจะสว่างแจ่มชัดกว้างไกลปัญญาญาณอันล้ำเลิศจะเกิดแก่จิต หมั่นประคองท่องจำคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะไว้เสมอ พุทธานุภาพในพระคัมภีร์จะช่วยให้หูตาสว่างแจ่มชัด กว้างไกล ปัญญาญาณอันล้ำเลิศจะเกิดตามมา 
ซิวทิงเสียเหยินหูซัวฮว่า : 
จงหยุด อย่าได้เชื่อฟังคำยุแหย่ ยกยอ หยามหยาบ หรือคำชักนำ อันเป็นมิจฉาวาจาจากมิจฉาบุคคล ?ภายนอก? ทั่วไป จงหยุด อย่าได้ฟังคำยุแหย่ ยกยอ หยามหยาบ หรือคำชักนำจากมิจฉาบุคคล ?ภายใน? คือกายของตนเอง ที่พูดจาเหลวไหลไม่ตรงต่อหลักสัจธรรมความเป็นจริง 
เหลาซวนอี้หม่าเนี่ยนอู๋เซิง : 
จงล้อมคอกความคิดจิตกระเจิงไว้ เหมือนคล้องคอม้าพยศให้สงบหยุดนิ่งลงได้ จงมุ่งหมายท่องจำกำหนดรู้อยู่ที่องค์ธรรมมารดา พุทธบุตรจากองค์ธรรมมารดาคือธรรมญาณตน จงคล้องใจพุทธบุตรไว้ มิให้ความคิดเกิดดับ เกิดดับ....สับสนเรื่อยไป 
เหลาหมู่เจี้ยงเซี่ยเจินเทียนโจ้ว : 
องค์ธรรมมารดาปรกโปรดประทานสัจจคาถาจากฟ้า นั่นคือ ?ดวงธรรมญาณ? ไว้ในรูปกายสังขาร ดวงธรรมญาณหรือสัจจคาถาจากฟ้าจึงมีความศักดิ์สิทธิ์พร้อมแล้วอยู่ในตัว 
ย่งซินฉือเนี่ยนโหย่วเสินทง : 
พึงตั้งใจประคองท่องจำสำนึกรู้ในสัจจคาถาจากฟ้า คือดวงธรรมญาณของตนไว้เรื่อยไป จนกว่าจะเข้าถึงความศักดิ์สิทธิ์ เกิดปัญญาระลึกรอบรู้ได้ 
หมั่นเทียนซิงโต่วโตวเซี่ยซื่อ : 
บัดนี้เทพสถิตประจำดวงดาวทุกหมู่เหล่าต่างมุ่งลงมาสู่โลก บ้างเกิดกาย บ้างแฝงกายเพื่อเสริมส่งธรรมปฏิบัติในยุคสุดท้ายนี้ 
อู่ฟังเลี่ยเซียนเซี่ยเทียนกง : 
เซียนทุกระดับจากทิศตะวันออก ตะวันตกทิศเหนือ ทิศใต้และศูนย์กลาง ต่างลงมาจากปราสาททิพยวิมานในชั้นฟ้า 
เก้อฟังเฉิงหวงไหลตุ้ยเฮ่า : 
พระกาฬประจำเมืองแต่ละด้านต่างรีบเร่งทำการตรวจสอบเลขที่บัญชีรายชื่อของผู้อยู่อาศัยในเมือง ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองดูแลของท่านว่า ใครได้รับการถอนชื่อเพื่อ ถวายขึ้นไปในบัญชีอริยะ (รับธรรมะ) พ้นจากหน้าที่ปกครองของท่านแล้วบ้าง 
เป้าซื่อหลิงถงฉาเตอชิง : 
การนี้ยังมีทิพย์กุมารสื่อสารอีกมากมายร่ามทำนหน้าที่ตรวจสอบบัญชีรายชื่อให้ตรงกับบุคคลนั้น ๆ อย่างแน่ชัดเพื่อถวายรายงานต่อ.... 
ซันกวนต้าตี้ฉือเปยจู้ : 
....มหาราชเจ้าทั้งสามพระองค์ที่ทรงโปรดทำหน้าที่จารึกรายชื่อที่ถวายขึ้นไปในบัญชีอริยะเบื้องบน 
เซ่อจุ้ยซันเฉาจิ้วจ้งเซิง : 
เป็นบุญวาระสุดท้ายที่เบื้องบนทรงโปรดฉุดช่วยมวลชีวิตจิตญาณ เทพเทวา มนุษย์ ผี ที่ได้รับการฉุดช่วยทั้งสามโลกในครั้งนี้จะได้รับการอภัยโทษผ่อนผันเป็นการเฉพาะจากองค์ธรรมมารดา 
จิ้วขู่เทียนจุนไหลจิ้วซื่อ : 
เมื่อพระเมตเตยยะ จะเจริญมหาปณิธานมาปรกโปรด เพื่อปลดเปลื้องความทุกข์ให้ชาวโลกในครั้งนี้ 
ชินเตี่ยนเหวินปู้เจียตี้เสิน : 
พระองค์ทรงคัดเลือกกำหนดหมายด้วยพระองค์เอง ให้พระอริยะพระโพธิสัตว์ฝ่ายบุญฤทธิ์ซึ่งเข้าถึงจิตของสาธุชนดั่งดวงตะวันจันทราสว่างฟ้าทั่วหล้า ทั่วสกล คือพระพุทธจี้กงและพระโพธิสัตว์จันทรปัญญา ให้ทรงทำหน้าที่วิสุทธิอาจารย์ เบิกจุดสถิตจิตพุทธะให้แก่ผู้ขอรับวิถีธรรม 
ปาต้าจินกังไหลฮู่ฝ่า : 
พระองค์ทรงคัดเลือกกำหนดหมายวัชรเทพผู้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรอีกแปดฝ่าย อีกทั้งท้าวจตุมหาโลกบาลทั้งสี่ อันประกอบด้วย พระวัชรอัสนี พระวัชรวายุ พระวัชรพยัคฆา และพระวัชรนาคา พร้อมกันมาพิทักษ์ธรรม 
ซื่อเว่ยผูซ่าจิ้วจ้งเซิง : 
อีกทั้งยังมีมหาโพธิสัตว์ทั้งสี่คือ พระโพธิสัตว์กวนอิม พระโพธิสัตว์จันทรปัญญา พระโพธิสัตว์มัญชุศรี พระโพธิสัตว์สมันตภัทร ทรงค้ำชูงานถ่ายทอดเบิกธรรม ทรงฉุดช่วยคุ้มครองรักษาเหล่าเวไนยฯ 
จิ๋นหลิ่งซันซึลิ่วเอวี๋ยนเจี้ยง : 
เมื่ออาราธนาหรือสวดท่องพระคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ พระองค์จะนำพาจอมทัพฟ้า และเทวาอารักษ์น้อยใหญ่ อีกสามสิบหกพระองค์ลงมายังโลกมนุษย์อย่างเร่งรีบประชิดตัว 
อู๋ไป่หลิงกวนจิ่นสุยเกิน : 
อีกทั้งนำพาทิพยมนตรีอีกห้าร้อยพระองค์ตามติดประชิดมา เพื่อทรงร่วมคุ้มครองรักษาสาธุชนและสอดส่องความเป็นไปในสามโลก 
ฝูจู้หมีเล่อเฉิงต้าเต้า : 
ทุกพระองค์ทรงร่วมทำหน้าที่ประคองรองรับการอุบัติมาของพระเมตเตยยะเพื่อบรรลุมหาอริยมรรคเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป อีกนัยหนึ่งคือ ประคองรองรับเมตเตยยะองค์น้อย ๆ คือ พุทธบุตรผู้ปฏิบัติบำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวนี้ให้ได้บรรลุธรรมในภายภาคหน้า 
เป่าอิ้วเซียงเอ๋อเต๋ออันหนิง : 
คุ้มครองพุทธบุตรจากบ้านเดิมคือ ผู้ปฏิบัติบำเพ็ญทั้งหลาย ให้ได้รับความสงบสุข เพื่อจะได้ตั้งหน้าตั้งตาเจริญธรรมกันให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป 
เป่ยฟังเจินอู่เหวยเจี้ยงไซว่ : 
งานคุ้มครองป้องภัยนี้มี ?เป่ยฟังเจินอู่? เทพเจ้าผู้ทรงฤทธิ์แห่งทิศอุดร เป็นนายทัพนำกอง 
ชิงเหลี่ยนหงฝ่าเสี่ยนเสินทง : 
?เป่ยฟังเจินอู่? ผู้ทรงฤทธิ์ พระองค์มีพระพักตร์สีเขียว พระเกศาสีแดง มีฤทธานุภาพยิ่งใหญ่ ผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคสุดท้ายนี้ก็เช่นกันท่านอุปมาให้เป็นเช่นทหารกล้า สำแดงฤทธานุภาพฝ่าฟันอุปสรรค ในการฉุดช่วยผู้คน ใช้ปัญญาฟาดฟันกิเลสมารในจิตตนให้แพ้พ่ายมลายสูญดุจเดียวกับพระองค์ ?เป่ยฟังเจินอู่? ผู้ทรงฤทธิ์ 
เฉอฉี่เจ้าฉีเจอยื่อเอวี้ย : 
ความห้าวหาญของพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ยิ่งใหญ่ถึงขนาดคว้าเอาธงดำมาบดบังตะวันเดือนได้ 
โถวติ่งเซินหลัวชีเป่าซิง : 
บุญญาธิการในพระองค์ส่องแสงสว่างกระจ่างฟ้า ดั่งมีดวงดาวรัตนะทั้งเจ็ดประดับไว้รายรอบพระเศียรเป็นอุปมาให้ผู้บำเพ็ญเสริมสร้างบารมีเปล่งรัศมีธรรมกำจัดภัยมืดเพื่อตนและเพื่อทุกชีวิต 
เวยเจิ้นเป่ยฟังเหวยโซว่โส่ว : 
อิทธิฤทธิ์ความน่าเกรงขามของพระองค์สะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทิศอุดร พระองค์เป็นใหญ่ เป็นผู้นำทางทิศอุดร 
ซู่ฉิ่งจูเอ้อกว้าเจี่ยปิง : 
พระองค์เร่งรัดขอให้หมู่มารร้ายแขวนเกราะพลรบ หยุดการก่อกวนราวีผู้ปฏิบัติบำเพ็ญดีในวิถีอนุตตรธรรม ซึ่งอาจบรรลุมรรคผลได้ในภายหน้า หยุดก่อกวนราวี ผู้ที่ตั้งใจสวดท่องคัมภีร์สัจจาคาถาเมตเตยยะนี้ 
ตาจิ้วเอวี๋ยนเหยินเซียงเอ๋อหนวี่ : 
พระองค์ยังทรงเป็นสื่อทอดสะพานบุญ ฉุดช่วยคนเดิมที่มาจากเบื้องบน คือสาธุชนหญิงชายผู้ที่ได้รับวิถีธรรมที่ปฏิบัติบำเพ็ญจริง 
หั่วกวงลั่วตี้ฮว่าเหวยเฉิน : 
แม้แสงไฟเพลิงจะตกลงมาสู่พื้นแผ่นดินก็มิให้เป็นอันตรายแก่สาธุชน คนดีผู้ที่ได้รับวิถีธรรม แต่ให้กลับกลายแปรเป็นเถ้าธุลีดิน 
ซื่อไห่หลงอวั๋งไหลจู้เต้า : 
พญานาคาทั้งสี่คาบสมุทรใหญ่ก็ให้มาร่วมช่วยเสริมสร้างงานถ่ายทอดวิถีธรรมให้มาร่วมช่วยคุ้มครองป้องกันภัยแก่ผู้ได้รับวิถีธรรมและสาธุชนคนดี 
เก้อเจี้ยเสียงอวิ๋นชวี่เถิงคง : 
เพื่อให้ผู้ปฏิบัติบำเพ็ญเจริญธรรมเรื่อยไปได้อย่างราบรื่น ดุจได้ประทับนั่งอยู่เหนือเมฆมงคล เพื่อทะยานตนให้พ้นโลกีย์ สูงส่งขึ้นไปบนสุญญตานภากาศ 
สือฟังเทียนปิงฮู่ฝอเจี้ย : 
เทวาอารักษ์ทั้งสิบทิศก็ให้มาร่วมคุ้มครองพุทธบาทพระเมตเตยยะ ให้บรรลุมหาปณิธานในอันที่จะตระเตียมกุศลพันธุ์ไว้ในพุทธกาลหน้าต่อไป 
เป่าอิ้วหมีเล่อชวี่เฉิงกง : 
ปกป้องรักษาพระเมตเตยยะเพื่อให้ได้บรรลุผลในมหาปณิธานที่จะแปรเปลี่ยนโลกวุ่นวายให้กลายเป็น วิสุทธิแดนดินอันใสสด งดงามดังดอกบัวบานอีกทั้งปกป้องรักษาเมตเตยยะองค์น้อย ๆ คือผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคขาวนี้ให้ได้สำเร็จมรรคผล 
หงหยังเหลี่ยวเต้ากุยเจียชวี่ : 
เมื่อยุคกาลของธรรมกาลยุคแดงล่วงเลยไปผู้บำเพ็ญในธรรมกาลยุคแดงต่างก็บรรลุธรรมกลับคืนบ้านเดิมเบื้องบนไปแล้ว 
จ่วนเต้าซันหยังหมีเล่อจุน : 
บัดนี้ย่างเข้าสู่ธรรมกาลยุคที่สาม พระศรีอารยเมตไตรยจะปกครองธรรมกาลต่อไปหนึ่งหมื่นแปดร้อยปี 
อู๋ฮวั๋งชื่อลิ่งจี้เซี่ยเซิง : 
ธรรมกาลยุคสุดท้ายนี้ พระอนุตตรธรรมเจ้า พระแม่องค์ธรรมจึงโปรดบัญชาประกาศิตให้พระพุทธะ พระโพธิสัตว์ เทพพรหม องค์อินทร์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกันสนองธรรมโองการรับหน้าที่ฉุดช่วยเหล่าพุทธบุตรที่จุติฝากเกิดกายไว้ในโลกต่ำ 
โซวฝูหนันเอี๋ยนกุยเจิ้งจง : 
ให้ทุกพระองค์ร่วมกันทำหน้าที่ตามหาพุทธบุตรที่หลงเวียนว่ายอยู่ในโลกมนุษย์ เก็บรวบรวมมาไว้กำราบด้วยพุทธานุภาพ ให้คืนกลับสู่ต้นตระกูล คือ กลับสู่อนุตตรพระแม่องค์ธรรมเป็นหนึ่งเดียวกันทุกชาติภาษา ทุกศาสนา ทุกคน 
ไหลอวั่งเจ้าเซี่ยเจินเอี๋ยนโจ้ว : 
การจุติเกิดกายในโลกคือ ?มา? ถึงกาลเก็บงานสมบูรณ์ผลบัดนี้คือ ?กลับ? พุทธบุตรจะต้องกลับคืนบ้านเดิมเบื้องบนในครั้งนี้ด้วยดวงธรรมญาณอันบริสุทธิ์ โปร่งใส พระอนุตตร พระแม่องค์ธรรมได้โปรดประทานสัจจคาถาทั้งเที่ยวมา (เกิดกาย) และเที่ยวกลับ (หลุดพ้น) 
ฉวนเซี่ยตังไหลต้าจั้งจิง : 
พระอนุตตรพระแม่องค์ธรรมได้โปรดประทานพุทธจิตธรรมญาณอันได้มีมาจากเบื้องบนแต่เดิมที พุทธจิตธรรมญาณอันได้มีมาจากเบื้องบนแต่เดิมทีนั้น เปรียบได้ดั่งมหาธรรมปิฏกที่สมบูรณ์พร้อมด้วยแก่นแท้แห่ง ธรรมสาระ 
อิงเอ๋อช่าหนวี่ฉังฉือเนี่ยน : 
หากแม้นประคองท่องจำ ?คัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ? อยู่เสมอ หากแม้นประคองท่องจำรำลึกในความเป็นพุทธจิตธรรมญาณอันบริสุทธิ์ โปร่ง ใส ดั่งทารกน้อย กำหนดจิตไม่สอดส่ายไปจากฐานเดิม ดั่งกุลสตรีที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน สำรวมระวังตนอยู่เสมอ 
เสียเสินปู้กั่นไหลจิ้นเซิน : 
เทพอัปมงคล สิ่งเลวร้ายภายนอก และมิจฉาทิฐิในตน จะไม่กล้าสำแดงความชั่วร้าย ไม่กล้ากล้ำกรายเข้าใกล้ตัว 
ฉือเนี่ยนอี๋เปี้ยนเสินทงต้า : 
ประคองท่องจำรำลึกคัมถีร์สัจจคาถาเมตเตยยะหนี่งรอบ ประคองท่องจำรำลึกในความเป็นพุทธจิตธรรมญาณอันบริสุทธิ์ โปร่ง ใส ไว้ได้รอบหนึ่ง ปัญญาญาณในตนจะศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ 
ฉือเนี่ยนเหลี่ยงเปี้ยนเต๋อเชาเซิง : 
ประคองท่องจำรำลึกคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะด้วยจิตบริสุทธิ์ โปร่ง ใส สองรอบ จิตจะสงบนิ่งไม่สอดส่ายวุ่นวาย จิตจะไม่เกิดตายไปตามความคิดดำริ หรืออารมณ์ เท่ากับจิตล่วงพ้นการเวียนเกิดเวียนตาย 
ฉือเนี่ยนซันเปี้ยนเสินกุ่ยพ่า : 
ประคองท่องจำรำลึกสามรอบ พุทธานุภาพของ คัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะ จะปรกแผ่คุ้มครองรักษาจนเทพเทวาผีสางต่างเกรงกลัว ประคองท่องจำรำลึกสามรอบด้วยจิตมั่นคงเที่ยงตรงมีพลัง เทพเทวาผีสางต่างเกรงกลัวในผู้นั้น 
อวั่งเหลี่ยงเสียหมอฮว่าเหวยเฉิน : 
เมื่อพุทธจิตธรรมญาณในตนสำแดงคุณศักดิ์สิทธิ์ยิ่งใหญ่ ขณะสวดท่องคัมภีร์สัจจคาถาเมตเตยยะพุทธานุภาพจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทุกพระองค์ อีกทั้งพุทธานุภาพในตนจะปกป้องภัยจากผีป่าผีน้ำทุกแห่งหน มารอัปมงคลทั้งหลายเข้าใกล้มาเมื่อไรพุทธานุภาพก็จะดลบันดาลให้กลับกลายแปรไปเป็นผงธุลีดิน 
ซิวฉือเจี๋ยเน่ยสวินลู่จิ้ง : 
ท่ามกลางภัยพิบัติทุกข์เข็ญ จงบำเพ็ญจิตมั่นคงไว้มิให้ไหวหวั่น ขณะเดียวกันคือกำหนดหา แนวทางที่จิตญาณจะผ่านพ้นอุปสรรคทั้งปวง 
เนี่ยนฉี่เจินเอี๋ยนกุยฝอลิ่ง : 
เมื่อกำหนดแนวทางของจิตได้แล้วท่องสัจจคาถากำหนดจิตเดิมแท้ไว้ที่จุดญาณทวาร โน้มนำจิตเดิมแท้ให้เข้าถึงพุทธคุณแห่งพระนาม พระพุทธะที่สวดท่องนั้น 
หนันอู๋เทียนเอวี๋ยนไท่เป่าอาหมีถัวฝอ : 
สวดท่องพระคัมภีร์สัจจคาถาพระเมตเตยยะจบลงแล้ว ให้ตั้งจิตระลึกถึงพระนามของพระพุทธองค์ซึ่งจะอุบัติมากอบกู้กุศลพันธุ์ในกาลต่อไปคือ ?พระเมตเตยยะ พระศรีอารยเมตไตรยเทียนเอวี๋ยนไท่เป่าอาหมีถัวฝอ? พระองค์ทรงเป็นอมิตาพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ซึ่งพิทักษ์ธรรมจักรวาลเบื้องต้นตั้งแต่ปฐมกาลแห่งฟ้าเบื้องบน 

(10 กราบ)


วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2559

ธรรมะ...นั้นเป็นไฉน ? - พระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพุทธจี้กง



ธรรมะ...นั้นเป็นไฉน ?

เมื่อเจ้าทำดี "ธรรมะ" นั้นก็เป็นธรรมที่เที่ยงแท้ หากจิตใจไม่เที่ยงตรง  กายไม่เที่ยงตรง วาจาไม่เที่ยงตรง การกระทำไม่เที่ยงตรง เช่นนี้ แ้ม้ธรรมแท้ก็อาจกลายเป็นธรรมปลอมไ้ด้

รู้หน้าที่ตน ก็คือ "ธรรมะ"  ปฏิบัติหน้าที่ตนให้ดี นั่นก็คือ "ธรรมะ"

ดำรงตนอยู่ในโลกนี้ ทุกแห่งหนล้วนคือความรู้ ทุกแห่งหนล้วนมี "ธรรมะ" ต้องหมั่นตรวจตราอยู่เสมอ
มิใช่มาสถานธรรมจึงจะมี "ธรรมะ" ถึงจะสามารถปฏิบัติธรรมได้ ชีวิตไม่ว่าดำรงอยู่แห่งหนใดก็ล้วนปฏิบัติธรรมได้เช่นกัน

หลักในการดำเนินชีวิต เมื่อถึงเวลานอนก็ต้องนอน นี่คือ "ธรรมะ" ไม่ใช่ถึงเวลานอนแต่ไม่นอน ไม่ใช่เวลานอนแต่กลับนอน นี่ไม่ใช่ "ธรรมะ"

ขณะที่เจ้าพูดจาทิ่มแทงคนอื่น คนที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ตัวเจ้า !  เมื่อนั้นจะยังคงพูดจาเช่นนั้นต่ออีกหรือไม่ นั่นคือการแสดงออกถึงจิตใจดีงามที่มีอยู่ และนั่นก็คือ "ธรรมะ"

ความสูงส่งล้ำค่าแห่ง "ธรรมะ" นั้น อยู่ที่การไม่อาจใช้ภาษาตีความได้นั่นเอง การดำรงตนนั้นก็คือ "ธรรมะ" ธรรมะนั้นแฝงอยู่ในทุกสรรพสิ่งซ่อนเ้ร้นอยู่ในทุกอณู

"ธรรมะ" นั้นล้ำลึก แท้จริงก็อยู่ในชีวิตประจำวันของเจ้า ไยจะต้องไปฝึกฝนวิชาอื่นใดที่พิสดาร พลังลึกลับหรือปาฏิหาริย์หาใช่ธรรมะไม่ ! แต่ "ธรรมะ" เป็นสิ่งที่ธรรมดาสามัญไม่มีพิเศษ แท้จริงก็อยู่รอบกายเจ้า แต่อยู่ที่ตัวเจ้าจะใช้มันหรือไม่เท่านั้นเอง 

"ธรรมะ" เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตัวเจ้า "ธรรมะ" คือหลักธรรมแห่งฟ้า คือจิตที่ดีงาม "ธรรมะ" นั้นง่ายแก่การบำเพ็ญ หากปฏิบัติตามครรลองแห่งฟ้าได้ก็จะบำเพ็ญได้ง่าย หลักธรรมแห่งฟ้า ก็คือ ใจพุทธะ ใจโพธิสัตว์ ใจเมตตากรุณา ใจกว้างให้อภัย ใจจริงบริสุทธิ์

เราทุกคนหากทำสิ่งใดควรมีจุดมุ่งหมาย แต่มิใช่ใจมีแผนการเงื่อนงำ นั้นเป็นสิ่งไม่ดี ควรใช้จิตใจซื่อตรงจริงใจปฏิบัติต่อผู้อื่น ช่วยคลี่คลายปมปัญหาให้แก่ผู้อื่น นั่นจึงจะเป็น "ธรรมะ" !

รักษาเวลาอันมีค่าทุกขณะ ในเวลานั้นเจ้าทำอะไรอยู่ รักษาเวลาช่วงนั้นไว้นั่นก็คือ "ธรรมะ" เช่นเดียวกัน

"ธรรมะ" นั้นอยู่ท่ามกลางสรรพสิ่ง "ธรรมะ" อยู่ในชีวิตประจำวัน ใกล้แค่ตรงหน้าไม่มีที่จะไม่โอบอุ้ม เมื่อต้องการมัน มันก็มี "ธรรมะ" ไม่ต้องการมัน มันก็ไร้ซึ่ง "ธรรมะ"

"ธรรมะ" คือ หนึ่ง 
หนึ่ง ก็คือต้น ต้นใช่หรือไม่ว่าสำคัญมาก เมื่อสำคัญก็ต้องก้าวเดิน หากไม่ก้าว ไหนเลยจะไปถึง

ไม่ว่าเรื่องราวใดก็ตามต้องมีลำดับขั้นตอน มีขั้นตอนจึงมีระเบียบวินัย มีระเบียบวินัยจึงมีเหตุผล มีเหตุผลจึงมี "ธรรมะ" ต้องรู้จักก้าว-ถอย อย่างมีเหตุมีผล นั่นจึงเรียกว่า "ธรรมะ"

วันนี้เรียนรู้มาเท่าไหร่ก็ควรแสดงออกมาเท่านั้นเช่นนี้จึงเรียกว่าปฏิบัติ "ธรรมะ" สิ่งที่รู้ในวันนี้ หากรอเวลาผ่านไปแล้วค่อยกระทำนั่นไม่เรียกว่า "ธรรมะ" ดังนั้น เรียนรู้และขณะเดียวก็นำมาปฏิบัติ จึงเรียกว่า "ธรรมะ"

"ธรรมะ" อยู่ที่ไม่เอ่ยคำพูด
"ธรรมะ" อยู่ที่มีสติทุกขณะ
"ธรรมะ" อยู่ที่พยักหน้า
หากเจ้ายิ้มออกมาสักครั้ง นั่นแหละคือ "ธรรมะ"

การอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าเรื่องราวหรือสิ่งต่างๆล้วนมีเหตุปัจจัย ขอเพียงใช้ใจเคารพและจริงใจซึ่งกัน สิ่งเหล่านี้ล้วนคือ "ธรรมะ"  รู้จริงต้องกระทำจริง ปฏิบัติจริงต้องทุ่มเทอย่างจริงจัง นั่นจึงเรียกว่า "ธรรมะ"

อย่าเอาแต่คอยสำรวจผู้อื่น "ธรรมะ" ก็คือ การสำรวจตนเอง และย้อนมองส่องตน รู้จุดบกพร่องของตนเอง รู้จุดผิดพลาดของตนเองนี่จึงเรียกว่า "ธรรมะ"

ทำอย่างไรจึงจะให้ทุกคนกลับมาสู่จิตเดิม ทำอย่างไรให้ทุกคนมีจิตยินดี เบิกบานสำราญใจไม่แบ่งพวกแบ่งฝ่าย "ธรรมะ" ก็อยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ต้องคิดแผนการให้มากมาย ในขณะนั้นก็คือ "ธรรมะ"

"ธรรมะ" มิใช่สิ่งแปลกประหลาด พิลึกกึกกือ แต่มันใกล้ชิดกับตัวเราในชีวิตประจำวันมากที่สุดต่างหาก อย่างเช่น ความกตัญญู ความสามัคคี หลักปกครอง ๓ คุณธรรม ๘ สิ่งเหล่านี้ล้วนคือ "ธรรมะ"

( หลักปกครอง ๓ คือ เจ้านายกับลูกน้อง พ่อกับลูก สามีกับภรรยา )
( เบญจธรรม ๕ คือ เมตตาธรรม จริยธรรม มโนธรรม สัตยธรรม ปัญญาธรรม )
( คุณธรรม ๘ คือ กตัญญูกตเวที  พี่น้องปรองดอง จงรักภักดี วาจาสัตย์ มโนธรรม จริยธรรม สุจริตธรรม เกรงกลัวต่อบาป )

เป็นธรรมชาติก็คือ "ธรรมะ" ใช้ให้เหมาะสม ใช้ให้เกิดคุณประโยชน์ นี่ก็คือความอัศจรรย์ ก็คือความแยลยลแล้ว

สองตาสำรวมญาณทวาร ก็คือ "ธรรมะ" ทุกขณะเวลาคือ "ธรรมะ" แม้บำเพ็ญอยู่ในโลกีย์ ทว่าพึงเก็บจิตกลับมาเพื่อให้ตนได้สงบสติอยู่เสมอ

อย่าได้คิดว่าการนั่งเท่านั้นจึงเข้าสู่สมาธิได้ แต่เืมื่อนั่งลงไปแล้วหมื่นพันความคิดเกิดขึ้นไม่หยุด จะกลับกลายเป็นฟุ้งซ่าน

ต้องฝึกเยี่ยงนี้เสมอว่าไม่ใช่ของๆเจ้า อย่าได้โลภไม่ใช่ของๆเจ้า อย่าได้เรียกร้อง เืมื่อได้ทำอย่างเต็มกำลังของเจ้าแล้ว ได้มาเท่าไหร่ก็เท่านั้น

ภาระหน้าที่อันพึงกระทำก็ต้องไปจัดการ และต้องรักษาวินัยเคร่งครัด